ป้ายกำกับ:

วันแม่แห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ สิงหาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญสำหรับลูกๆ ทุกคน ที่จะแสดงความรัก
ความกตัญญูและสำนึกในพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิด
          แต่เดิมกำหนดให้วันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติ ตามมติของคณะรัฐมนตรีที่ได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงานวันแม่มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นครั้งแรกและได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายผลของงานให้กว้างขวางออกไปได้ การจัดงานไม่เพียงแต่จัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังจัดให้มีการประกวดแม่ของชาติ ประกวดคำขวัญวันแม่ เพื่อให้เกียรติแก่แม่ผู้มีพระคุณด้วย
          ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ รัฐบาลได้เปลี่ยนใหม่โดยให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็น วันแม่แห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดทูนและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะแม่ของแผ่นดิน ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรไทย ตั้งแต่ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงตระหนักในหน้าที่อันพึงมีต่อประเทศชาติและประชาชนให้ได้รับความสุขเสมอกัน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ผู้เป็นลูกได้สำนึกและตระหนักถึงหน้าที่ของลูกที่ต้องมีความกตัญญูต่อแม่ และให้ผู้ที่เป็นแม่ได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตนที่พึงมีต่อลูกและครอบครัวด้วย และรัฐบาลยังได้กำหนดสัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่แห่งชาติ คือดอกมะลิ ด้วยเหตุผลที่ว่า ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์และมีกลิ่นหอมเย็นระรื่นใจ และยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย”
          ดังนั้น เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ลูกๆ ทุกคนควรระลึกถึงพระคุณของแม่ด้วยการนำดอกไม้ หรือพวงมาลัยไปกราบเท้าคุณแม่ และไม่ควรแสดงความกตัญญูแค่เพียงวันแม่เท่านั้น แต่ควรระลึกถึงพระคุณของแม่ทุกวัน พร้อมทั้งดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพของแม่ให้แข็งแรงทั้งกายและใจอยู่เสมอ ถ้าลูกๆ ทุกคนปฏิบัติต่อแม่ได้เพียงเท่านี้ ก็ทำให้แม่มีความสุขแล้ว
         และในวันที่ ๑๒ สิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติและวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการร่วมกันจัดงานมหกรรมวัฒนธรรม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ          ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๙ พรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่เกียรติคุณรวมถึงพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระองค์ โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย โดยจะมีขึ้นในวันที่ ๑๑ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กับพระราชกรณียกิจด้านศิลปะหัตกรรม สิ่งทอและงานศิลปาชีพ ภายใต้หัวข้อ “เปิดกรุผ้าไทย” โดยนำชุดไทยอันงดงามและหาดูได้ยาก และผลิตภัณฑ์ที่วิจิตรบรรจงมาจัดแสดง รวมถึงนิทรรศการเครื่องแต่งกายโขน นิทรรศการและการสาธิตงานช่างสิบหมู่ การปักเครื่องละคร
         นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่หน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมพร้อมใจกันเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เริ่มจาก
         กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงาน ๘๔ วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน เฉลิมพระเกียรติ หรืองาน “สยามไทยมุง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ด้วยการจัดกิจกรรมการแสดงและสาธิตผลงานของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตามกรอบแนวคิด “๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรม ๘ วิถีไทย สานสายใยชุมชน” คือ การจัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญา และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ตามแผนผังมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย ๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรม ซึ่งเป็นพื้นที่ในประเทศไทยตั้งแต่อดีต โดยยึดพื้นที่ของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนเป็นหลัก ได้แก่ มรดกวัฒนธรรมบ้านเชียง  มรดกวัฒนธรรมทวารวดี มรดกวัฒนธรรมศรีโคตรบูรณ์-ล้านช้าง มรดกวัฒนธรรมลพบุรี มรดกวัฒนธรรมล้านนา มรดกวัฒนธรรมสุโขทัย มรดกวัฒนธรรมอยุธยา มรดกวัฒนธรรมศรีวิชัย และมรดกวัฒนธรรมธนบุรี-รัตนโกสินทร์และ ๘ วิถีไทย ได้แก่ อาหาร การแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ประเพณี ภาษา อาชีพ ความเชื่อและศิลปะพื้นถิ่น และยังได้จัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบ ระดับ ๕ จำนวน ๕ โครงการ และระดับ ๔  จำนวน ๓๓ โครงการ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๘ โครงการ เพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชุมชน และเป็นแบบอย่างในการร่วมกันอนุรักษ์ พัฒนา สืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย นอกจากนี้ ยังมีโซนโชว์ไทย ชมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน โซนลานกิจกรรมตลาดไทยทำมือ  ชมผลงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน  และผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ของเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป  โซนกินอยู่อย่างไทย  ชิม ช้อปอาหารพื้นบ้านของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน และพบกับการแสดงของศิลปินแห่งชาติ ศิลปินที่มีชื่อเสียง ศิลปินท้องถิ่นจากชุมชน อาทิแม่ขวัญจิต  ศรีประจันต์ (เพลงพื้นบ้านภาคกลาง), ฉวีวรรณ  พันธุ และ ป. ฉลาดน้อย (หมอลำ),  เอกชัย  ศรีวิชัย นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง, การแสดงจำอวดหน้าม่าน “น้าโย่ง น้านง  น้าพวง”, รุจ เดอะสตาร์ และศิลปินจากลูกทุ่งมหานคร
         กรมศิลปากร ได้นำการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีชั้นเยี่ยมมานำเสนอ ได้แก่ การแสดงละครนอกเรื่อง ไกรทอง และการสาธิตการจัดทำหัวโขนและเครื่องแต่งกายโขน
         สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้นำการแสดงร่วมสมัยมานำเสนอ อาทิ การแสดงดนตรีชัยยุทธโตสง่าและวงบอยไทย การแสดงดนตรีวงเบญจรงค์ Wind Quintet และการแสดงดนตรีวงเอื้อมอารีย์ Saxophone Quintet
         สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้นำการแสดงวงพิณ แคน โปงลางจากร้อยเอ็ด และการแสดงโขนผู้หญิง ตอน นาคบาศ มานำเสนอให้รับชม
         กรมการศาสนา จัดกิจกรรม “รวมพลังทางศาสนาเสริมสร้างความสมานฉันท์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” โดยร่วมกับองค์การศาสนาทั้ง ๕ ศาสนา ในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ โรงละครแห่งชาติ ประกอบด้วยการฉายวีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง “ร่มโพธิ์ ร่มไทร ของชาวไทย” การแสดงนิทรรศการทางศาสนา เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถกับการศาสนา การบรรยายพิเศษ เรื่อง “พลังศาสนาสร้างสมานฉันท์” การเสวนาจองผู้แทนองค์การศาสนา ๕ ศาสนา เรื่อง “พลังศาสนาสร้างสมานฉันท์ในมิติของศาสนา” การแสดงและการเสวนาของเยาวชน ค่ายเยาวชนสมานฉันท์ การกล่าวสุนทรพจน์ของเยาวชน ๕ ศาสนา การมอบโล่เกียรติคุณแก่ นายสุรัก ประทุมเกสร ผู้แต่งเนื้อร้อง เพลง “สมานฉันท์สู่สันติ” และการจัดพิมพ์หนังสือ “พระราชเสาวนีย์ พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ” เพื่อแจกในงาน
          และที่สำคัญในวันที่ ๑๒ สิงหาคม เวลา ๑๙.๐๐ น. ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จะมีพิธีจุดเทียนถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถด้วย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย เข้าร่วมงานมหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ – ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันแสดงความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และชมมหกรรมการแสดงทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่อลังการที่นับวัน  จะหาชมได้ยาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร. ๑๗๖๕ หรือ www.m-culture.go.th


แหล่งข้อมูล จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี รายละเอียด
วันแม่แห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ สิงหาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญสำหรับลูกๆ ทุกคน ที่จะแสดงความรัก
ความกตัญญูและสำนึกในพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิด
          แต่เดิมกำหนดให้วันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติ ตามมติของคณะรัฐมนตรีที่ได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงานวันแม่มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นครั้งแรกและได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายผลของงานให้กว้างขวางออกไปได้ การจัดงานไม่เพียงแต่จัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังจัดให้มีการประกวดแม่ของชาติ ประกวดคำขวัญวันแม่ เพื่อให้เกียรติแก่แม่ผู้มีพระคุณด้วย
          ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ รัฐบาลได้เปลี่ยนใหม่โดยให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็น วันแม่แห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดทูนและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะแม่ของแผ่นดิน ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรไทย ตั้งแต่ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงตระหนักในหน้าที่อันพึงมีต่อประเทศชาติและประชาชนให้ได้รับความสุขเสมอกัน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ผู้เป็นลูกได้สำนึกและตระหนักถึงหน้าที่ของลูกที่ต้องมีความกตัญญูต่อแม่ และให้ผู้ที่เป็นแม่ได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตนที่พึงมีต่อลูกและครอบครัวด้วย และรัฐบาลยังได้กำหนดสัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่แห่งชาติ คือดอกมะลิ ด้วยเหตุผลที่ว่า ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์และมีกลิ่นหอมเย็นระรื่นใจ และยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย”
          ดังนั้น เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ลูกๆ ทุกคนควรระลึกถึงพระคุณของแม่ด้วยการนำดอกไม้ หรือพวงมาลัยไปกราบเท้าคุณแม่ และไม่ควรแสดงความกตัญญูแค่เพียงวันแม่เท่านั้น แต่ควรระลึกถึงพระคุณของแม่ทุกวัน พร้อมทั้งดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพของแม่ให้แข็งแรงทั้งกายและใจอยู่เสมอ ถ้าลูกๆ ทุกคนปฏิบัติต่อแม่ได้เพียงเท่านี้ ก็ทำให้แม่มีความสุขแล้ว
         และในวันที่ ๑๒ สิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติและวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการร่วมกันจัดงานมหกรรมวัฒนธรรม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ          ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๙ พรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่เกียรติคุณรวมถึงพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระองค์ โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย โดยจะมีขึ้นในวันที่ ๑๑ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กับพระราชกรณียกิจด้านศิลปะหัตกรรม สิ่งทอและงานศิลปาชีพ ภายใต้หัวข้อ “เปิดกรุผ้าไทย” โดยนำชุดไทยอันงดงามและหาดูได้ยาก และผลิตภัณฑ์ที่วิจิตรบรรจงมาจัดแสดง รวมถึงนิทรรศการเครื่องแต่งกายโขน นิทรรศการและการสาธิตงานช่างสิบหมู่ การปักเครื่องละคร
         นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่หน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมพร้อมใจกันเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เริ่มจาก
         กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงาน ๘๔ วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน เฉลิมพระเกียรติ หรืองาน “สยามไทยมุง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ด้วยการจัดกิจกรรมการแสดงและสาธิตผลงานของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตามกรอบแนวคิด “๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรม ๘ วิถีไทย สานสายใยชุมชน” คือ การจัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญา และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ตามแผนผังมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย ๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรม ซึ่งเป็นพื้นที่ในประเทศไทยตั้งแต่อดีต โดยยึดพื้นที่ของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนเป็นหลัก ได้แก่ มรดกวัฒนธรรมบ้านเชียง  มรดกวัฒนธรรมทวารวดี มรดกวัฒนธรรมศรีโคตรบูรณ์-ล้านช้าง มรดกวัฒนธรรมลพบุรี มรดกวัฒนธรรมล้านนา มรดกวัฒนธรรมสุโขทัย มรดกวัฒนธรรมอยุธยา มรดกวัฒนธรรมศรีวิชัย และมรดกวัฒนธรรมธนบุรี-รัตนโกสินทร์และ ๘ วิถีไทย ได้แก่ อาหาร การแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ประเพณี ภาษา อาชีพ ความเชื่อและศิลปะพื้นถิ่น และยังได้จัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบ ระดับ ๕ จำนวน ๕ โครงการ และระดับ ๔  จำนวน ๓๓ โครงการ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๘ โครงการ เพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชุมชน และเป็นแบบอย่างในการร่วมกันอนุรักษ์ พัฒนา สืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย นอกจากนี้ ยังมีโซนโชว์ไทย ชมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน โซนลานกิจกรรมตลาดไทยทำมือ  ชมผลงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน  และผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ของเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป  โซนกินอยู่อย่างไทย  ชิม ช้อปอาหารพื้นบ้านของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน และพบกับการแสดงของศิลปินแห่งชาติ ศิลปินที่มีชื่อเสียง ศิลปินท้องถิ่นจากชุมชน อาทิแม่ขวัญจิต  ศรีประจันต์ (เพลงพื้นบ้านภาคกลาง), ฉวีวรรณ  พันธุ และ ป. ฉลาดน้อย (หมอลำ),  เอกชัย  ศรีวิชัย นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง, การแสดงจำอวดหน้าม่าน “น้าโย่ง น้านง  น้าพวง”, รุจ เดอะสตาร์ และศิลปินจากลูกทุ่งมหานคร
         กรมศิลปากร ได้นำการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีชั้นเยี่ยมมานำเสนอ ได้แก่ การแสดงละครนอกเรื่อง ไกรทอง และการสาธิตการจัดทำหัวโขนและเครื่องแต่งกายโขน
         สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้นำการแสดงร่วมสมัยมานำเสนอ อาทิ การแสดงดนตรีชัยยุทธโตสง่าและวงบอยไทย การแสดงดนตรีวงเบญจรงค์ Wind Quintet และการแสดงดนตรีวงเอื้อมอารีย์ Saxophone Quintet
         สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้นำการแสดงวงพิณ แคน โปงลางจากร้อยเอ็ด และการแสดงโขนผู้หญิง ตอน นาคบาศ มานำเสนอให้รับชม
         กรมการศาสนา จัดกิจกรรม “รวมพลังทางศาสนาเสริมสร้างความสมานฉันท์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” โดยร่วมกับองค์การศาสนาทั้ง ๕ ศาสนา ในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ โรงละครแห่งชาติ ประกอบด้วยการฉายวีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง “ร่มโพธิ์ ร่มไทร ของชาวไทย” การแสดงนิทรรศการทางศาสนา เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถกับการศาสนา การบรรยายพิเศษ เรื่อง “พลังศาสนาสร้างสมานฉันท์” การเสวนาจองผู้แทนองค์การศาสนา ๕ ศาสนา เรื่อง “พลังศาสนาสร้างสมานฉันท์ในมิติของศาสนา” การแสดงและการเสวนาของเยาวชน ค่ายเยาวชนสมานฉันท์ การกล่าวสุนทรพจน์ของเยาวชน ๕ ศาสนา การมอบโล่เกียรติคุณแก่ นายสุรัก ประทุมเกสร ผู้แต่งเนื้อร้อง เพลง “สมานฉันท์สู่สันติ” และการจัดพิมพ์หนังสือ “พระราชเสาวนีย์ พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ” เพื่อแจกในงาน
          และที่สำคัญในวันที่ ๑๒ สิงหาคม เวลา ๑๙.๐๐ น. ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จะมีพิธีจุดเทียนถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถด้วย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย เข้าร่วมงานมหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ – ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันแสดงความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และชมมหกรรมการแสดงทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่อลังการที่นับวัน  จะหาชมได้ยาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร. ๑๗๖๕ หรือ www.m-culture.go.th


แหล่งข้อมูล จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี รายละเอียด
วันแม่แห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ สิงหาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญสำหรับลูกๆ ทุกคน ที่จะแสดงความรัก
ความกตัญญูและสำนึกในพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิด
          แต่เดิมกำหนดให้วันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติ ตามมติของคณะรัฐมนตรีที่ได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงานวันแม่มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นครั้งแรกและได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายผลของงานให้กว้างขวางออกไปได้ การจัดงานไม่เพียงแต่จัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังจัดให้มีการประกวดแม่ของชาติ ประกวดคำขวัญวันแม่ เพื่อให้เกียรติแก่แม่ผู้มีพระคุณด้วย
          ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ รัฐบาลได้เปลี่ยนใหม่โดยให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็น วันแม่แห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดทูนและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะแม่ของแผ่นดิน ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรไทย ตั้งแต่ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงตระหนักในหน้าที่อันพึงมีต่อประเทศชาติและประชาชนให้ได้รับความสุขเสมอกัน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ผู้เป็นลูกได้สำนึกและตระหนักถึงหน้าที่ของลูกที่ต้องมีความกตัญญูต่อแม่ และให้ผู้ที่เป็นแม่ได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตนที่พึงมีต่อลูกและครอบครัวด้วย และรัฐบาลยังได้กำหนดสัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่แห่งชาติ คือดอกมะลิ ด้วยเหตุผลที่ว่า ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์และมีกลิ่นหอมเย็นระรื่นใจ และยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย”
          ดังนั้น เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ลูกๆ ทุกคนควรระลึกถึงพระคุณของแม่ด้วยการนำดอกไม้ หรือพวงมาลัยไปกราบเท้าคุณแม่ และไม่ควรแสดงความกตัญญูแค่เพียงวันแม่เท่านั้น แต่ควรระลึกถึงพระคุณของแม่ทุกวัน พร้อมทั้งดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพของแม่ให้แข็งแรงทั้งกายและใจอยู่เสมอ ถ้าลูกๆ ทุกคนปฏิบัติต่อแม่ได้เพียงเท่านี้ ก็ทำให้แม่มีความสุขแล้ว
         และในวันที่ ๑๒ สิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติและวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการร่วมกันจัดงานมหกรรมวัฒนธรรม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ          ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๙ พรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่เกียรติคุณรวมถึงพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระองค์ โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย โดยจะมีขึ้นในวันที่ ๑๑ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กับพระราชกรณียกิจด้านศิลปะหัตกรรม สิ่งทอและงานศิลปาชีพ ภายใต้หัวข้อ “เปิดกรุผ้าไทย” โดยนำชุดไทยอันงดงามและหาดูได้ยาก และผลิตภัณฑ์ที่วิจิตรบรรจงมาจัดแสดง รวมถึงนิทรรศการเครื่องแต่งกายโขน นิทรรศการและการสาธิตงานช่างสิบหมู่ การปักเครื่องละคร
         นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่หน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมพร้อมใจกันเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เริ่มจาก
         กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงาน ๘๔ วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน เฉลิมพระเกียรติ หรืองาน “สยามไทยมุง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ด้วยการจัดกิจกรรมการแสดงและสาธิตผลงานของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตามกรอบแนวคิด “๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรม ๘ วิถีไทย สานสายใยชุมชน” คือ การจัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญา และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ตามแผนผังมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย ๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรม ซึ่งเป็นพื้นที่ในประเทศไทยตั้งแต่อดีต โดยยึดพื้นที่ของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนเป็นหลัก ได้แก่ มรดกวัฒนธรรมบ้านเชียง  มรดกวัฒนธรรมทวารวดี มรดกวัฒนธรรมศรีโคตรบูรณ์-ล้านช้าง มรดกวัฒนธรรมลพบุรี มรดกวัฒนธรรมล้านนา มรดกวัฒนธรรมสุโขทัย มรดกวัฒนธรรมอยุธยา มรดกวัฒนธรรมศรีวิชัย และมรดกวัฒนธรรมธนบุรี-รัตนโกสินทร์และ ๘ วิถีไทย ได้แก่ อาหาร การแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ประเพณี ภาษา อาชีพ ความเชื่อและศิลปะพื้นถิ่น และยังได้จัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบ ระดับ ๕ จำนวน ๕ โครงการ และระดับ ๔  จำนวน ๓๓ โครงการ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๘ โครงการ เพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชุมชน และเป็นแบบอย่างในการร่วมกันอนุรักษ์ พัฒนา สืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย นอกจากนี้ ยังมีโซนโชว์ไทย ชมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน โซนลานกิจกรรมตลาดไทยทำมือ  ชมผลงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน  และผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ของเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป  โซนกินอยู่อย่างไทย  ชิม ช้อปอาหารพื้นบ้านของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน และพบกับการแสดงของศิลปินแห่งชาติ ศิลปินที่มีชื่อเสียง ศิลปินท้องถิ่นจากชุมชน อาทิแม่ขวัญจิต  ศรีประจันต์ (เพลงพื้นบ้านภาคกลาง), ฉวีวรรณ  พันธุ และ ป. ฉลาดน้อย (หมอลำ),  เอกชัย  ศรีวิชัย นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง, การแสดงจำอวดหน้าม่าน “น้าโย่ง น้านง  น้าพวง”, รุจ เดอะสตาร์ และศิลปินจากลูกทุ่งมหานคร
         กรมศิลปากร ได้นำการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีชั้นเยี่ยมมานำเสนอ ได้แก่ การแสดงละครนอกเรื่อง ไกรทอง และการสาธิตการจัดทำหัวโขนและเครื่องแต่งกายโขน
         สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้นำการแสดงร่วมสมัยมานำเสนอ อาทิ การแสดงดนตรีชัยยุทธโตสง่าและวงบอยไทย การแสดงดนตรีวงเบญจรงค์ Wind Quintet และการแสดงดนตรีวงเอื้อมอารีย์ Saxophone Quintet
         สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้นำการแสดงวงพิณ แคน โปงลางจากร้อยเอ็ด และการแสดงโขนผู้หญิง ตอน นาคบาศ มานำเสนอให้รับชม
         กรมการศาสนา จัดกิจกรรม “รวมพลังทางศาสนาเสริมสร้างความสมานฉันท์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” โดยร่วมกับองค์การศาสนาทั้ง ๕ ศาสนา ในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ โรงละครแห่งชาติ ประกอบด้วยการฉายวีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง “ร่มโพธิ์ ร่มไทร ของชาวไทย” การแสดงนิทรรศการทางศาสนา เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถกับการศาสนา การบรรยายพิเศษ เรื่อง “พลังศาสนาสร้างสมานฉันท์” การเสวนาจองผู้แทนองค์การศาสนา ๕ ศาสนา เรื่อง “พลังศาสนาสร้างสมานฉันท์ในมิติของศาสนา” การแสดงและการเสวนาของเยาวชน ค่ายเยาวชนสมานฉันท์ การกล่าวสุนทรพจน์ของเยาวชน ๕ ศาสนา การมอบโล่เกียรติคุณแก่ นายสุรัก ประทุมเกสร ผู้แต่งเนื้อร้อง เพลง “สมานฉันท์สู่สันติ” และการจัดพิมพ์หนังสือ “พระราชเสาวนีย์ พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ” เพื่อแจกในงาน
          และที่สำคัญในวันที่ ๑๒ สิงหาคม เวลา ๑๙.๐๐ น. ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จะมีพิธีจุดเทียนถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถด้วย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย เข้าร่วมงานมหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ – ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันแสดงความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และชมมหกรรมการแสดงทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่อลังการที่นับวัน  จะหาชมได้ยาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร. ๑๗๖๕ หรือ www.m-culture.go.th


แหล่งข้อมูล จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี รายละเอียด
วันแม่แห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ สิงหาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญสำหรับลูกๆ ทุกคน ที่จะแสดงความรัก
ความกตัญญูและสำนึกในพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิด
          แต่เดิมกำหนดให้วันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติ ตามมติของคณะรัฐมนตรีที่ได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงานวันแม่มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นครั้งแรกและได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายผลของงานให้กว้างขวางออกไปได้ การจัดงานไม่เพียงแต่จัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังจัดให้มีการประกวดแม่ของชาติ ประกวดคำขวัญวันแม่ เพื่อให้เกียรติแก่แม่ผู้มีพระคุณด้วย
          ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ รัฐบาลได้เปลี่ยนใหม่โดยให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็น วันแม่แห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดทูนและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะแม่ของแผ่นดิน ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรไทย ตั้งแต่ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงตระหนักในหน้าที่อันพึงมีต่อประเทศชาติและประชาชนให้ได้รับความสุขเสมอกัน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ผู้เป็นลูกได้สำนึกและตระหนักถึงหน้าที่ของลูกที่ต้องมีความกตัญญูต่อแม่ และให้ผู้ที่เป็นแม่ได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตนที่พึงมีต่อลูกและครอบครัวด้วย และรัฐบาลยังได้กำหนดสัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่แห่งชาติ คือดอกมะลิ ด้วยเหตุผลที่ว่า ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์และมีกลิ่นหอมเย็นระรื่นใจ และยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย”
          ดังนั้น เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ลูกๆ ทุกคนควรระลึกถึงพระคุณของแม่ด้วยการนำดอกไม้ หรือพวงมาลัยไปกราบเท้าคุณแม่ และไม่ควรแสดงความกตัญญูแค่เพียงวันแม่เท่านั้น แต่ควรระลึกถึงพระคุณของแม่ทุกวัน พร้อมทั้งดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพของแม่ให้แข็งแรงทั้งกายและใจอยู่เสมอ ถ้าลูกๆ ทุกคนปฏิบัติต่อแม่ได้เพียงเท่านี้ ก็ทำให้แม่มีความสุขแล้ว
         และในวันที่ ๑๒ สิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติและวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการร่วมกันจัดงานมหกรรมวัฒนธรรม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ          ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๙ พรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่เกียรติคุณรวมถึงพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระองค์ โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย โดยจะมีขึ้นในวันที่ ๑๑ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กับพระราชกรณียกิจด้านศิลปะหัตกรรม สิ่งทอและงานศิลปาชีพ ภายใต้หัวข้อ “เปิดกรุผ้าไทย” โดยนำชุดไทยอันงดงามและหาดูได้ยาก และผลิตภัณฑ์ที่วิจิตรบรรจงมาจัดแสดง รวมถึงนิทรรศการเครื่องแต่งกายโขน นิทรรศการและการสาธิตงานช่างสิบหมู่ การปักเครื่องละคร
         นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่หน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมพร้อมใจกันเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เริ่มจาก
         กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงาน ๘๔ วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน เฉลิมพระเกียรติ หรืองาน “สยามไทยมุง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ด้วยการจัดกิจกรรมการแสดงและสาธิตผลงานของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตามกรอบแนวคิด “๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรม ๘ วิถีไทย สานสายใยชุมชน” คือ การจัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญา และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ตามแผนผังมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย ๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรม ซึ่งเป็นพื้นที่ในประเทศไทยตั้งแต่อดีต โดยยึดพื้นที่ของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนเป็นหลัก ได้แก่ มรดกวัฒนธรรมบ้านเชียง  มรดกวัฒนธรรมทวารวดี มรดกวัฒนธรรมศรีโคตรบูรณ์-ล้านช้าง มรดกวัฒนธรรมลพบุรี มรดกวัฒนธรรมล้านนา มรดกวัฒนธรรมสุโขทัย มรดกวัฒนธรรมอยุธยา มรดกวัฒนธรรมศรีวิชัย และมรดกวัฒนธรรมธนบุรี-รัตนโกสินทร์และ ๘ วิถีไทย ได้แก่ อาหาร การแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ประเพณี ภาษา อาชีพ ความเชื่อและศิลปะพื้นถิ่น และยังได้จัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบ ระดับ ๕ จำนวน ๕ โครงการ และระดับ ๔  จำนวน ๓๓ โครงการ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๘ โครงการ เพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชุมชน และเป็นแบบอย่างในการร่วมกันอนุรักษ์ พัฒนา สืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย นอกจากนี้ ยังมีโซนโชว์ไทย ชมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน โซนลานกิจกรรมตลาดไทยทำมือ  ชมผลงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน  และผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ของเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป  โซนกินอยู่อย่างไทย  ชิม ช้อปอาหารพื้นบ้านของโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน และพบกับการแสดงของศิลปินแห่งชาติ ศิลปินที่มีชื่อเสียง ศิลปินท้องถิ่นจากชุมชน อาทิแม่ขวัญจิต  ศรีประจันต์ (เพลงพื้นบ้านภาคกลาง), ฉวีวรรณ  พันธุ และ ป. ฉลาดน้อย (หมอลำ),  เอกชัย  ศรีวิชัย นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง, การแสดงจำอวดหน้าม่าน “น้าโย่ง น้านง  น้าพวง”, รุจ เดอะสตาร์ และศิลปินจากลูกทุ่งมหานคร
         กรมศิลปากร ได้นำการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีชั้นเยี่ยมมานำเสนอ ได้แก่ การแสดงละครนอกเรื่อง ไกรทอง และการสาธิตการจัดทำหัวโขนและเครื่องแต่งกายโขน
         สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้นำการแสดงร่วมสมัยมานำเสนอ อาทิ การแสดงดนตรีชัยยุทธโตสง่าและวงบอยไทย การแสดงดนตรีวงเบญจรงค์ Wind Quintet และการแสดงดนตรีวงเอื้อมอารีย์ Saxophone Quintet
         สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้นำการแสดงวงพิณ แคน โปงลางจากร้อยเอ็ด และการแสดงโขนผู้หญิง ตอน นาคบาศ มานำเสนอให้รับชม
         กรมการศาสนา จัดกิจกรรม “รวมพลังทางศาสนาเสริมสร้างความสมานฉันท์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” โดยร่วมกับองค์การศาสนาทั้ง ๕ ศาสนา ในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ โรงละครแห่งชาติ ประกอบด้วยการฉายวีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง “ร่มโพธิ์ ร่มไทร ของชาวไทย” การแสดงนิทรรศการทางศาสนา เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถกับการศาสนา การบรรยายพิเศษ เรื่อง “พลังศาสนาสร้างสมานฉันท์” การเสวนาจองผู้แทนองค์การศาสนา ๕ ศาสนา เรื่อง “พลังศาสนาสร้างสมานฉันท์ในมิติของศาสนา” การแสดงและการเสวนาของเยาวชน ค่ายเยาวชนสมานฉันท์ การกล่าวสุนทรพจน์ของเยาวชน ๕ ศาสนา การมอบโล่เกียรติคุณแก่ นายสุรัก ประทุมเกสร ผู้แต่งเนื้อร้อง เพลง “สมานฉันท์สู่สันติ” และการจัดพิมพ์หนังสือ “พระราชเสาวนีย์ พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ” เพื่อแจกในงาน
          และที่สำคัญในวันที่ ๑๒ สิงหาคม เวลา ๑๙.๐๐ น. ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จะมีพิธีจุดเทียนถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถด้วย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย เข้าร่วมงานมหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ – ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันแสดงความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และชมมหกรรมการแสดงทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่อลังการที่นับวัน  จะหาชมได้ยาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร. ๑๗๖๕ หรือ www.m-culture.go.th


แหล่งข้อมูล จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี รายละเอียด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
Keroro © 2012 | Designed by Meingames and Bubble shooter